ผู้ชายหลายคนที่เป็นต่อมลูกหมากโตมานาน ตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยก็กินยารักษามาตลอด เป็นปี ๆ ผลที่ได้แม้จะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้เหมือนกลับไปเป็นแบบตอนหนุ่ม ๆ ที่ฉี่พุ่ง เข้าห้องน้ำแล้วออกสุดโล่งสบาย เคสแบบนี้ถ้าไม่อยากกินยาต่อมลูกหมากโตอีกต่อไป และคาดหวังให้ได้ผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตอาจเป็นอีกทางเลือกให้ลองพิจารณา

โรคต่อมลูกหมากโต คืออะไร?

โรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia, BPH) คือโรคในระบบทางเดินปัสสาวะที่เกิดจากการเจริญเติบโตมากเกินไปของเซลล์เนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก จนมาเบียดท่อปัสสาวะให้ตีบแคบลง จึงทำให้เกิดอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะออกยากเพราะท่อที่เป็นทางออกของน้ำปัสสาวะมันถูกบีบจนผนังตีบแนบชิดกัน อย่างไรก็ตาม การเจริญเติบโตของต่อมลูกหมากแบบนี้ไม่ใช่มาจากเนื้อร้ายหรือมะเร็ง

5 สัญญาณเตือนของโรคต่อมลูกหมากโต

5 สัญญาณเตือนของโรคต่อมลูกหมากโต

เนื่องจากต่อมลูกหมากโตจะกดเบียดท่อปัสสาวะให้ตีบแคบ จึงทำให้คนไข้มีปัญหาปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะออกยาก โดยอาการเด่นที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคต่อมลูกหมากโต ได้แก่

  • ปัสสาวะไหลอ่อน ไหลช้า ไม่พุ่ง 
  • ต้องเบ่งสักพักจึงจะปัสสาวะออก
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น โดยเฉพาะตอนกลางคืนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำ 
  • ปวดปัสสาวะรุนแรงทันทีทันใด จนบางครั้งกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ 
  • มีปัสสาวะไหลซึมหรือหยด หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว

วิธีการวินิจฉัยต่อมลูกหมากโต

การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโตอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อวินิจฉัยแยกโรคจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นโรคที่อันตรายกว่ามาก และแยกสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการคล้ายกันได้ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ  เป็นต้น โดยการซักประวัติจะเน้นไปที่ลักษณะปัญหาการปัสสาวะ ระยะเวลาการดำเนินของโรค ประวัติโรคต่อมลูกหมากโตในครอบครัว รวมไปถึงยาที่ใช้และโรคประจำตัว 

ในส่วนของการตรวจร่างกาย จะมีการตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนักด้วยนิ้ว เพื่อตรวจลักษณะเนื้อของต่อมลูกหมาก อาจมีการตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์ และการส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ 

นอกจากนั้นยังมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดเพื่อประเมินค่าไตและสุขภาพโดยรวม และค่า PSA เพื่อประเมินความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก

การผ่าตัดรักษาต่อมลูกหมากโต มีวิธีไหนบ้าง?

แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโตจะเริ่มจากการปรับพฤติกรรม และการใช้ยา จากนั้นหากอาการไม่ดีขึ้น เกิดผลข้างเคียงจากยา เกิดภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโต หรือคนไข้ไม่ต้องการใช้ยา แพทย์จึงจะพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งก็มีด้วยกันหลายวิธี

ผ่าตัดต่อมลูกหมากโตโดยการใช้กล้องส่อง (TURP)

ผ่าตัดต่อมลูกหมากโตโดยการใช้กล้องส่อง (TURP)

การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตโดยการส่องกล้อง (Transurethral resection of the prostate, หรือ Transurethral prostatectomy; TURP) เป็นการผ่าตัดคว้านเนื้อต่อมลูกหมากโตในส่วนที่มากดเบียดท่อปัสสาวะ โดยใช้การส่องกล้องสวนเข้าไปทางท่อปัสสาวะ แล้วใช้ห่วงลวดไฟฟ้าขนาดเล็กขูดตัดเนื้อต่อมลูกหมากออกทีละชิ้นเล็ก ๆ ไปพร้อมกับการห้ามเลือด โดยจะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง และเนื่องจากเป็นการส่องกล้องเข้าไปทางท่อปัสสาวะ คนไข้จึงไม่มีแผลผ่าตัดภายนอก

การผ่าตัดวิธีนี้มักใช้การวางยาชาเฉพาะท่อนล่าง และคนไข้ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล เนื่องจากหลังการผ่าตัด คนไข้ต้องใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อพักการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ และป้องกันลิ่มเลือดอุดตันท่อปัสสาวะ ดังนั้นสายนี้จึงต้องคาไว้จนกว่าสีน้ำปัสสาวะที่ออกมาจะใส ไม่มีสีเลือดปน ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-4 วัน จากนั้นพักฟื้นอีกราว 2-4 สัปดาห์ ก็จะกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ 

ในทางสถิติ เมื่อเทียบกับวิธีการผ่าตัดต่อมลูกหมากโตแบบอื่น TURP เป็นวิธีมาตรฐานที่ทำกันอย่างแพร่หลายที่สุด คือที่ประมาณ 95% ของการผ่าตัดต่อมลูกหมากโตทั้งหมด แต่มีข้อเสียที่สำคัญ คือ มีโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะไม่หลั่งได้ที่ 48%

ผ่าตัดต่อมลูกหมากโดยเลเซอร์ (PVP)

การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตด้วยเลเซอร์ (Photoselective vaporization of the prostate, PVP) เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดจาก TURP โดยเปลี่ยนจากใช้ห่วงลวดไปตัดเป็นการใช้เลเซอร์แสงเขียวพลังงานสูงยิงสลายเนื้อต่อมลูกหมากส่วนเกิน ซึ่งมีข้อดีคือมีความแม่นยำสูงจึงไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง อีกทั้งยังห้ามเลือดในทันที จึงเสียเลือดน้อยกว่า ทำให้ระยะเวลาที่คนไข้ต้องใส่สายสวนปัสสาวะหลังผ่าตัดลดลงเหลือแค่ประมาณ 1 วัน แต่การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ก็มีข้อเสีย คือ มักต้องใช้เวลาผ่าตัดที่นานกว่า และจะไม่ได้ตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากส่งตรวจชิ้นเนื้อ เนื่องจากแสงเลเซอร์สลายได้เท่านั้น จึงไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมาก

ต่อมลูกหมากโต ป้องกันอย่างไรได้บ้าง?

เนื่องจากเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของต่อมลูกหมากโต การป้องกันในปัจจุบันจึงเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลเพิ่มความเสี่ยงของโรค อันได้แก่ 

  • ภาวะอ้วนและน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • การรับประทานอาหารไขมันสูง และเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำ เช่น ไส้กรอก แฮม ชีส เป็น 

นอกจากนี้ยังมีอาหารบางอย่างที่อาจช่วยป้องกันต่อมลูกหมากโตได้ ได้แก่

  • ผัก ผลไม้ และอาหารกากใยสูง
  • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง เทมเป้ (อาหารอินโดนีเซีย มีโปรตีนสูง ทำมาจากถั่วเหลืองหมัก) และนัตโตะ  (อาหารญี่ปุ่น มีโปรตีนสูง ทำมาจากถั่วเหลืองหมัก) เป็นต้น

โรคต่อมลูกหมากโตไม่อันตราย แต่ทำไมถึงต้องรีบรักษา

จริงอยู่ว่าโรคต่อมลูกหมากโตนั้น ไม่ใช่เนื้อร้าย ไม่กลายไปเป็นมะเร็ง จึงไม่อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่อาการปัสสาวะลำบากที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในทุก ๆ วันของคนไข้อย่างมาก โดยเฉพาะในคนที่มีอาการรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการนอนที่แย่ลงจากการต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดีจากปวดปัสสาวะรุนแรง ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่จนไม่กล้าเข้าสังคม แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือเกิดโรคแทรกซ้อนจากการคั่งค้างของปัสสาวะ จนนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อซ้ำซาก และโรคไตตามมาได้ โรคต่อมลูกหมากโตแม้จะไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่อาจมองข้าม และควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินความรุนแรงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม

ต้องการผ่าตัดรักษาต่อมลูกหมาดโต ทำไมต้องเลือกที่ Dr.Suntchai

นพ สรรชัย วิโรจน์แสงทอง (Dr.Suntchai) เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะคนแรกในเอเชียที่สามารถทำการผ่าตัดแผลน้อย (minimally-invasive surgery) สำหรับ BPH ทั้งสองแบบ คือ iTind และ Rezum ตั้งแต่ปี 2021 ดังนั้น หากพิจารณาในด้านประสบการณ์และจำนวนเคสคนไข้ที่ผ่านมือ คุณหมอสรรชัยจัดว่าเป็นอันดับท็อปของประเทศไทยอย่างแน่นอน แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น คือ หลักการทำงานของคุณหมอที่เชื่อมั่นว่า การรักษาคือการทำงานร่วมกันระหว่างหมอและคนไข้ จึงทำให้ นพ สรรชัย ให้ความสำคัญกับการพูดคุยและอธิบายให้คนไข้เข้าใจในทุกทางเลือกของการรักษา เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจร่วมกันและได้ในสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคนไข้เอง

สรุป

โรคต่อมลูกหมากโต แม้ตัวมันเองจะไม่อันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก และต่อเนื่องยาวนาน การรักษาด้วยยาให้ผลที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ทำให้หาย และคนไข้ต้องกินยาไปตลอด สำหรับคนไข้ที่ต้องการผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น และไม่ต้องการใช้ยา อาจพิจารณาการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการผ่าตัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ดังนั้น การปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะจึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่หนทางที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ให้เหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งก็เป็นได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดต่อมลูกหมากโต

ผ่าตัดต่อมลูกหมากใช้เวลากี่ชม.?

การผ่าตัดแบบ TURP ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยขึ้นกับขนาดของต่อมลูกหมากที่ต้องคว้านออก และความชำนาญของศัลยแพทย์

การผ่าตัดต่อมลูกหมากมีอันตรายไหม?

แน่นอนว่าทุก ๆ การรักษามีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ แต่ล้วนเป็นความเสี่ยงทางการแพทย์ที่ทราบกันดี ผ่านการพิจารณาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ และมีขั้นตอนป้องกันก่อนล่วงหน้าอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดปลอดภัย 100% การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตก็เช่นกัน โดยความเสี่ยงที่สูงที่สุดของการผ่าตัดต่อมลูกหมากโต คือ การทำ TURP มีโอกาสเสี่ยงให้เกิดภาวะไม่หลั่ง (retrograde ejaculation) ได้ที่ 48%

การผ่าตัดต่อมลูกหมากมีกี่แบบ?

เนื่องจากต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในผู้ชาย จึงมีการพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่ ๆ โดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดมาโดยตลอด การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตจึงมีหลากหลายวิธี เช่น

  • TURP
  • TUIP
  • PVP
  • Rezum 
  • Urolift 
  • iTind 
  • Open prostatectomy 

แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละเทคนิคก็มีข้อจำกัดเฉพาะบางประการ และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกวิธีการรักษาจึงไม่สามารถตัดสินด้วยการเลือกเทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละกรณี จึงต้องอาศัยการพูดคุยพิจารณาร่วมกันของทั้งแพทย์และคนไข้เป็นสำคัญ

การผ่าตัดต่อมลูกหมากมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?

แม้การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะมีเลือดปน แต่มักจะหายได้เองใน 4 สัปดาห์
  • ไม่หลั่ง (retrograde ejaculation)
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง (erectile dysfunction)
  • เกิดแผลเป็นหดรั้งท่อปัสสาวะ (urethral strictures)
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (urinary incontinence)